4.1 ทั่วไป
การติดตั้งสายสัญญาณแนวราบเป็นส่วนหนึ่งของการติดตั้งระบบสายสัญญาณที่ใช้ในการสื่่อสารคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม โดยเป็นการติดตั้งสายสัญญาณจากจุดรวมการสื่อสารไปยังเต้ารับ หรือขั้วต่อในพื้นที่ใช้งาน ซึ่งประกอบด้วยสายสัญญาณแนวราบ เต้ารับ การเชื่อมต่อสายเชือมต่อหรือสายต่อในจุดรวมการสื่อสาร และอาจจะถึงกลุ่มเต้ารับ หรือจุดศูนย์รวมเต้ารับก็ได้
(คำว่า "แนวราบ" ใช้กับสายสัญญาณที่เดินตามแนวราบหรือแนวนอนในขั้วหรือใต้ฝ้าของอาคาร)
การออกแบบการติดตั้งสายสัญญาณในแนวราบเทียบกับการใช้งานในระบบต่างๆ ดังนี้
ก) ระบบการสื่อสารทางโทรศัพท์
ข) อุปกรณ์ต่อเชื่อมระบบสลับสาย
ค) ระบบการสื่อสารผ่านคอมพิวเตอร์
ง) ระบบแลน (Local area Network)
จ) ระบบภาพเคลื่อนไหว หรือกล้องวงจรปิด
ฉ) ระบบสัญญาณในอาคารต่างๆ เช่น ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ , ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้, ระบบควบคุมปรับอากาศ ฯลฯ
ฉ) ระบบสัญญาณในอาคารต่างๆ เช่น ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ , ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้, ระบบควบคุมปรับอากาศ ฯลฯ
เนื่องจากการติดตั้งสายสัญญาณแนวราบมีความสำคัญ และเมื่อติดตั้งไปพร้อมกับการก่อสร้างแล้วจะเป็นการยากและสิ้นเปลืองในการแก้ไขหรือปรับปรุง ดังนั้นจึงควรศึกษาความต้องการของผู้ใช้งานให้รอบคอบก่อนการออกแบบติดตั้ง อีกทั้งควรนำมาตรฐาน ANSI/TIA/EIA-569-A มาใช้ในการกำหนดแนวทางในการติดตั้งสายสัญญาณด้วย
4.2 รูปแบบ
การติดตั้งสายสัญญาณในแนวราบควรใช้รูแปแบบการกระจายสายแบบสตาร์ ตามรูปที่ 2 โดยเดินสายจากจุดรวมสายสัญญาณไปยังเต้ารับของจุดใช้งาน และจุดรวมสายสัญญาณควรอยู่ในชั้นเดียวกันกับเต้ารับ แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องมีจุดเปลี่ยนระหว่างจุดต่อครอสแนวราบไปยังเต้ารับอนุญาตให้มีได้ไม่เกินหนึ่งจุด
ในกรณีที่บางระบบจำเป็นต้องใช้ตัวแปลงเพื่อต่อเข้าอุปกรณ์ วิธีการติดตั้งควรต่อจากภายนอกเต้ารับ ไม่ควรไปติดตั้งหรือแทรกกลางทาง
รูปที่ 2 : ระบบสายสัญญาณแนวราบและสายสัญญาณบริเวณสถานที่ทำงานโดยใช้การกระจายสายแบบสตาร์
หมายเหตุ : 1. รูปแบบการเดินสายสัญญาณแบบสตาร์หรือแบบริงที่จุดเชื่อมต่อสายสัญญาณสือสารให้ถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของระบบสายสัญญาณหลัก เรื่องการเชื่อมต่อระหว่างจุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสารที่อยู่ใกล้กันจะอธิบายในหัวข้อ 5.2.3
2. ระบบสายสัญญาณใยแก้วนำแสงแแบบรวมศูนย์เป็นการออกแบบให้ใช้ที่จุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสาร เพื่อให้ระบบสายใยแก้วนำแสงแนวราบสามารถรองรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบรวมศูนย์ได้ ข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับระบบสายสัญญาณแบบรวมศูนย์อยู่ในภาคผนวก ก.
4.3 ระยะห่างแนวราบ
ระยะห่างในแนวราบคือความยาวของสายสัญญาณจากจุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสารไปยังเต้ารับจะต้องไม่เกิน 90 เมตร (295 ฟุต) โดยจะไม่ขึ้นกับชนิดของสื่อต่างๆ (ตามรูปที่ 2 ) แต่ถ้าใช้กลุ่มเต้ารับที่มีหลายเต้ารับอยู่ด้วยกันระยะห่างในแนวราบที่มีการเดินสายสัญญาณด้วยทองแดงจะต้องลดลงตามหัวข้อ 6.4.1.4
ความยาวของสายย้ำแบบครอสหรือสายต่อเชื่อมในบริเวณจุดครอสที่ต่อเข้าอาคาร รวมไปถึงการต่อครอสแนวราบ สายย้ำและสายต่อเชื่อมในส่วนของระบบสายสัญญาณแนวราบ ที่ต่อเชื่อมกับสายเชื่อมอุปกรณ์หรือเชื่อมสายสัญญาณหลักจะต้องมีความยาวไม่เกิน 5 เมตร (16 ฟุต) ส่วนความยาวของสายต่อเชื่อมไปยังสถานที่ทำงาน หรือความยาวของสายเชื่อมอุปกรณ์ที่จุดเชื่อมต่อสายสัญญาณสื่อสารจะต้องมีความยาวไม่เกิน 10 เมตร (33 ฟุต) ถ้าใช้กลุ่มเต้ารับที่มีหลายเต้ารับอยู่ด้วนกันสามารถดูได้ที่หัวข้อ 6.4.1.4 และ 6.4.1.5
หมายเหตุ : ความยาวมากที่สุดของช่องสัญญาณแนวราบระหว่างเต้ารับไปยังสถานที่ทำงานจะต้องไปเกิน 5 เมตร (16 ฟุต)
4.4 สายสัญญาณที่แนะนำ
สายสัญญาณที่แนะนำให้ใช้ในการเดินระบบสายสัญญาณแนวราบมี 2 ชนิด คือ
1. สายยูทีพี (สายตีเกลียวไม่มีชิลด์) หรือสายเอสซีทีพี (สายตีเกลียวหุ้มฟอยล์) แบบ 100 โอห์ม
4 คู่ ( ANSI/TIA/EIA-568-B.2)
2. สายใยแก้วนำแสงแบบมัลติโหมดชนิด 2 แกนหรือมากกว่า แบบ 62.5/125 ไมครอน หรือ 50/125 ไมครอน ( ANSI/TIA/EIA-568-B.3)
ในปัจจุบันสายเอสทีพี (สายตีเกลียวหุ้มฟอยล์) แบบ 150 โอห์ม (STP -A) เป็นสายสัญญาณที่อยู่ในมาตรฐาน ( ANSI/TIA/EIA-568-B.3) แต่ในสายประเภทนี้ไม่แนะนำให้ใช้ในการติดตั้งระบบสายสัญญาณใหม่เพราะว่าคาดว่าจะมีการนำสายสัญญาณนี้ออกจากมาตรฐานนี้ในการปรับปรุงครั้งต่อไป
การกำหนดรหัสของสายสัญญาณต่างๆเข่น อุปกรณ์เชื่อมต่อ, สายย้ำ, สายต่อเชื่อม, สายเชื่อมอุปกรณ์และสายเชื่อมในสถานที่ทำงาน จะกำหนดไว้ในมาตรฐาน ANSI/TIA/EIA-568-B.2 และ ANSI/TIA/EIA-568-B.3 ถ้ามีการติดตั้งระบบสายสัญญาณแนวราบทั้งแบบสายสัญญาณรวมชุดหรือแบบสายสัญญาณลูกผสมการกำหนดรหัสสีของสายสัญญาณทองแดงรวมชุดหรือแบบสายสัญญาณทองแดงลูกผสม ก็เป็นไปตามมาตรฐาน ANSI/TIA/EIA-568-B.2 ซึ่งในข้อกำหนดอาจจะเรียกว่าสายสัญญาณแบบลูม (loomed) , แบบสปีดแรพ (speed-warp) หรือ แบบวิพ (whip)
หมายเหตุ : 1. ในภาคผนวก ค. ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายสัญญาณแนวราบที่ใช้ในการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งสายสัญญาณเหล่านี้ลักษณะเฉพาะตัวที่เอาไว้ใช้งานเฉพาะ สายเหล่านี้ไม่ได้ในมาจรฐานนี้แต่สามารถใช้เพิ่มเติมจากมาตรฐานนี้ได้
2. สายสัญญาณแบบคอมโพสิต (composite cable) เป็นสายสัญญาณลุกผสม ที่ประกอบด้วยสายใยแก้วนำแแสงและสายสัญญาณที่ตัวนำเป็นทองแดง
4.5 การเลื่อกชนิดของสายสัญญาณ
ในอาคารสำนักงานจะให้ความสำคัญในดรื่องการสื่อสารทั้งด้านข้อมูลและสัญญาณเสียง ดังนั้นมาตรฐานนี้จึงได้กำหนดสำนักงานต้องมีเต้ารับอย่างน้อยสองชุดที่แสดงไว้ในรูปที่ 2 โดยเต้ารับชุดหนึ่่งอาจจะใช้สำหรับเสียง ส่วนอีกชุดอาจจะใช้สำหรับการรับส่งข้อมูล เต้ารับทั้งสองชุดควรมีการออกแบบดังนี้
1. เต้ารับชุดที่หนึ่งต้องรองรับสายสัญญาณ 100 โอห์ม 4 คู่ จำนวนหนึ่งเส้นชนิด category 3 (CAT 3 ) หรือสูงกว่่า (แนะนำให้ใช้เป็น category 5e (CAT 5e ) ดังที่ระบุไว้ใน ANSI/TIA/EIA-568-B.2
2. เต้ารับชุดที่สองจะต้องรองรับสายสัญญาณต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งอาจจะพิจารณาตามต้องการใช้งานหรือแบบที่วางไว้ดังนี้
1) สายสัญญาณ 100 โอห์ม 4 คู่ จำนวนหนึ่งเส้นชนิด category 5e (CAT 5e ดังที่ระบุไว้ใน ANSI/TIA/EIA-568-B.2
2) สายใยแก้วนำแสงแบบมัลติโหมด 62.5/125 ไมครอนหรือ 50/125 ไมครอนดังที่ ระบุไว้ใน
ANSI/TIA/EIA-568-B.3
4.6 การต่อลงดิน
การต่อลงดินก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบสื่อสารโทรคมนาคมเพราะจะช่วยป้องกันผู้ใช้งานและอุปกรณ์สื่อสารจากแรงดันเกิน และการต่อลงดินยังช่วยลดและกำจัดสัญญาณรบกวนที่เกิดจากการเหนี่ยวนำที่จะไปรบกวนระบบสื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆด้วย ซึ่งการต่อลงดินและการเชื่อมจะเป็นไปตามมาตรฐาน ANSI/TIA/EIA-607 ส่วนการติดตั้งสายเอสซีทีพี สายตีเกลียวหุ้มฟอยล์ ต้องมีการต่อลงดินโดยเชื่อมสายตัวนำไปที่บัสบาร์ซึ่งต่อไปที่จุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสาร ส่วนการต่อลงดินในสถานที่ทำงานจะต่อเข้ากับการต่อลงดินของระบบไฟฟ้า และชิลด์ก็จะต่อกับสายเชื่อมต่อของสายเอสซีทีพี (สายตีเกลียวหุ้มฟอยล์) แรงดันระหว่างชิลด์ และสายดินในระบบไฟฟ้าจะต้องไม่เกิน 1Vrms
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น