5.1 ทั่วไป
หน้าที่ของสายสัญญาณหลักคือการเชื่อมต่อระหว่างส่วนต่างๆเช่น จุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสาร, ห้องอุปกรณ์สื่อสาร, จุดเทอร์มินอลหลัก,และบริเวณต่อเข้าอาคาร เป็นต้น โครงสร้างของระบบสายสัญญาณโทรคมนาคม ดูภาพที่ 1 ระบบสายสัญญาณหลักประกอบไปด้วยสายสัญญาณหลัก
การต่อครอสระหว่างกลางและหลัก การจบสายทางกล และสายต่อเชื่อมหรือสายน้ำ ซึ่งให้สำหรับเส้นทางหลักไปยังการรต่อครอสของเส้นทางหลัก
การติดตั้งระบบสายสัญญาณหลักนี้จะต้องสามารถรองรับการใช้งานได้เป็นเวลา 3-10 ปี
ซึ่งต้องเหมาะสมกับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงในด้านความต้องการของผู้ใช้งาน การประมาณจำนวนของสายสัญญาณหลักจะประมาณจากจำนวนผู้ใช้งานสูงสุดโดยจะต้องคำนวณในกรณีที่ผู้ใช้งานพร้อมกัน
5.2 รูปแแบการเดินสาย
5.2.1 การกระจายสายแบบสตาร์
ในการกระจายสายแบบสตาร์จะเป็นการเชื่อมต่อสายสัญญาณจากจุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสารไปยังจุดเชื่อมต่อครอสสายหลัก หรือจากจุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสารไปยังจุดต่อครอสระหว่างกลางแล้วค่อยเชื่อมไปยังจุดต่อครอสสายหลัก ซึ่งต้องมีจุดต่อ ครอสในระบบสายสัญญาณหลักไม่เกินสองระดับ ส่วนการต่อครอสแนวราบจะเป็นการต่อครอสเพียงหนึ่งจุดไปยังจุดเชื่อมต่อครอสสายหลัก ดังนั้นการเชื่อมต่อระหว่างการต่อครอสแนวราบด้วยกันนั้นจะผ่านจุดครอสได้ไม่เกินสามจุด การรติดตั้งสายสัญญาณหลักที่จุดเชื่อมต่อสายสัญญาณสื่อสาร, ห้องอุปกรณ์สื่อสาร หรือบริเวณต่อเข้าอาคารต้องไม่มีการต่อกลางทาง
หมายเหตุ : 1. การเลือกใช้รูปแบบการเดินสายแบบสตาร์ จะทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นง่ายต่อการปรับปรุงและการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้คุณภาพของสัญญาณลดลง จึงไม่เหมาะกับงานที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างๆ เช่นมหาวิทยาลัย, นิคมอุตสาหกรรม และฐานทัพ ดังนั้นจึงกำหนดให้มีการเชื่อมต่อได้เพียงสองระดับ เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพของสัญญาณในระบบพาสซีพ
2. การกระจายสายแบบสตาร์ใช้สื่่อสัญญาณที่มีความเฉพาะตัวเช่นสายใยแก้วนำแสงหรือสายคู่ตีเกลียวที่มีจุดสิ้นสุดปลายสายที่แตกต่างกันอาจจะเป็นส่วนย่อยของสายสัญญาณนั้น หรือเป็นสายเฉพาะสำหรับระยะทางทั้งหมด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคุณลักษณะของสถานที่นั้นๆ
3. ระบบสายใยแก้วแบบรวมศูนย์ถูกออกแบบมาให้เป็นนอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้ในจุดเชื่อมต่อสายสัญญาณสื่อสารเพื่อใช้ในการจัดการระบบการติดตั้งสายใยแก้ว นำแสงจากจุดครอสแบบรวมศูนย์ไปยังสถานที่ทำงาน สามารถดูข้อกำหนดการติดตั้งระบบสายสัญญาณแบบรวมศูนย์ได้ในภาคผนวก ก.
5.2.2 การรปรับการกระจายสายที่ไม่ใช่การกระจายสายแบบสตาร์
รูปแบบการเดินสายในรูปที่ 3 สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นการกระจายสายแบบอื่นได้เช่นการกระจายสายแบบริง, แบบบัส หรือแบบทรี เพื่อใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และตัวแลงในบริเวณจุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสาร 3
5.2.3 การต่อสายสัญญาณโดยตรงระหว่างจุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสาร
หากมีการกระจายสายแบบบัสหรือแบบริง สามารถติดตั้งสายสัญญาณโดยตรงระหว่างจุดเชื่อมต่อระบบสายสัญญาณสื่อสารได้ ซึ่งการกระจายสายดังกล่าวเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากการกระจายสายแบบสตาร์ ซึ่งไว้กำหนดในมาตรฐานข้อ 5.2.1 และพิจารณารางสายได้จาก ANSI/TIA/EIA-569-A
5.1 สายสัญญาณที่แนะนำ
ในการติดตั้งสายสัญญาณหลักจะครอบคลุมพื้นที่กว้างซึ่งอาจจะใช้สื่อสัญญาณหลายประเภท ในมาตรฐานนี้ได้กำหนดการใช้สื่อสัญญาณสำหรับระบบสายสัญญาณหลักไว้ โดยอาจจะใช้สายชนิดเดียวกันหรือผสมกัน สายสัญญาณที่แนะนำได้แก่
ก) สายตีเกลียวชนิด 100 โอห์ม (ANSI/TIA/EIA-568-B.2)
ข) สายใยแก้วนำแสงแบบมัลติโหมด 62.5/125 ไมครอนหรือ 50/125 ไมครอนดังที่ ระบุไว้ใน ANSI/TIA/EIA-568-B.3
ค) สายใยแก้วนำแสงแบบซิงเกิลโหมดดังที่ระบุไว้ใน ANSI/TIA/EIA-568-B.3
ง) สายสัญญาณที่ได้รับการรับรอง , อุปกรณ์เชื่อมต่อ, สายย้ำ, สายต่อเชื่อม, สายเชื่อมอุปกรณ์ และสายต่อเชื่อมกับเต้ารับบริเวณสถานที่ใช้งานต้องเป็นไปตามาตรฐาน ANSI/TIA/EIA-568-B.3
หมายเหตุ : 1. สัญญาณรบกวนข้ามคู่สายยูทีพี (สายตีเกลียวไม่มีชิลด์) อาจมีผลต่อประสิทธิภาพของการสื่อสารของสายสัญญาณทองแดงประเภทนี้ แนวทางการใช้สายสัญญาณแบบหลายคู่ที่ใช้ชิลด์ร่วมกันสามารถดูได้ที่ภาคผนวก ข.
2. ภาคผนวก ค. ได้อธิบายถึงสายสัญญาณหลักประเภทอื่นๆ ที่ใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งสายเหล่านี้มีความสามารถเฉพาะตัวและไม่ได้อยู่ในมาตรฐานนี้ สามารถใช้เพิ่มเติมจากมาตรฐานนี้ได้
3. ข้อจำกัดเรื่องระยะทางของสายสัญญาณดูได้ที่ ข้อ 5.5
5.2 การเลื่อกสายสัญญาณ
ระบบสายสัญญาณหลักที่กำหนดในมาตรฐานนี้สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้ได้หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับคุณลักษณะแต่ละการใช้งาน ดังนั้นปัจจัยที่ควรพิจารณามีดังนี้
ก) ความสะดวกในการสนับสนุน
ข) อายุการใช้งานของสายสัญญาณหลัก
ค) จำนวนผู้ใช้และขนาดของสถานที่ตั้ง
ความต้องการในการใช้บริการทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคมจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและผู้ใช้งานหลัก ดังนั้นเมื่อต้องการในการงานมีความแตกต่างกันออกไปควรจะแยกประเภทการใช้งานที่คล้ายคลึงกันเข้าด้วยกัน เช่น เสียงพูด การแสดงผล ระบบแลน และอื่นๆภายในแต่ละกลุ่มก็ควรจะทำแผนแจกแจงการใช้งานระบบสายสัญญาณ แต่เมื่อไม่ทราบว่าจำนวนความต้องการใช้งานในอนาคตที่แน่นอนควาพิจารณาในโดยใช้ "กรณีที่เลวร้ายที่สุด" เป็นแนวทางในการเลือกออกแบบระบบสายสัญญาณ และสายสัญญาณหลักก็ควรจะสามารถเปลี่ยนแปลงและประยุกต์ให้เข้ากับการใช้งานได้หลายๆรูปแบบ และด้วยความหลากหลายในการใช้งานนี้ทำให้สายสัญญาณหลักจึงต้องมีสื่อมากกว่าหนึ่งสื่อ และสื่อเหล่านั้นควรจะสามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ในจุดที่ทำการครอสสายทางกล และบริเวณต่อเข้าอาคาร
5.5 ระยะของสายสัญญาณหลัก
5.5.1 ระยะทางการติดตั้สายสัญญาณภายในอาคารและระหว่างอาคาร
ระยะทางสูงสุดของการติดตั้งสายสัญญาณจะขึ้นอยู่กับปัจจัยสองประการ คือ รูปแบบการใช้งานและประเภทของสื่อ สำหรับสายสัญญาณที่ใช้กับระบบเสียงแบ่งเป็นสายสัญญาณแบบ ตีเกลียวสมดุลความต้านทาน (ระยะสูงสุด 800 เมตร หรือ 2624 ฟุต) และสายใยแก้วนำแสงสามารถดูการใช้งานได้ในภาคผนวก จ. ซึ่งความยาวของช่องสายสัญญาณหลักนั้นจะรวมสายสัญญาณหลักสายต่อเชื่อมหรือสายย้ำและสายเชื่อมอุปกรณ์
ในการวางจุดเชื่อมต่อครอสสายหลักนั้นจะนิยมไว้ที่ตรงการของสถานที่ตั้งเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ตามมารตฐานและใช้สายสั้นที่สุดด้วย แต่บางกรณีที่พื้นที่กว้างมากอาจจะแบ่งพื้นที่เป็นส่วนย่อยๆ ซึ่งในแต่ละส่วนย่อยก็ติดตั้งระบบสายสัญญาณหลักที่ครอบคลุมตามมารตฐาน และการเชื่อมต่อแต่ละส่วนจะอยู่นอกขอบเขตมาตรฐานได้ซึ่งจะใช้อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีสำหรับการใช้งานบริเวณกว้างช่วย
ในการวางจุดเชื่อมต่อครอสสายหลักนั้นจะนิยมไว้ที่ตรงการของสถานที่ตั้งเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ตามมารตฐานและใช้สายสั้นที่สุดด้วย แต่บางกรณีที่พื้นที่กว้างมากอาจจะแบ่งพื้นที่เป็นส่วนย่อยๆ ซึ่งในแต่ละส่วนย่อยก็ติดตั้งระบบสายสัญญาณหลักที่ครอบคลุมตามมารตฐาน และการเชื่อมต่อแต่ละส่วนจะอยู่นอกขอบเขตมาตรฐานได้ซึ่งจะใช้อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีสำหรับการใช้งานบริเวณกว้างช่วย
- ระบบสายสัญญาณหลักแบบ category 3 100 โอห์ม ใช้งานได้ 16 MHz ยาว 90 เมตร (295 ฟุต)
- ระบบสายสัญญาณหลักแบบ category 5e 100 โอห์ม ใช้งานได้ 100 MHz ยาว 90 เมตร (295 ฟุต) ซึ่งระยะ 90 เมตร (295 ฟุต) นั้นสามารถเพิ่มความยาวได้อีก 5 เมตร (16 ฟุต) ที่ปลายสายแต่ละด้านสำหรับสายต่อเชื่อมที่ต่อกับระบบสายสัญญาณหลัก
หมายเหตุ : 1. 90 เมตร (295 ฟุต) จะเป็นระยะที่ติดตั้งสายสัญญาณโดยที่ไม่มีการต่อสายหรือไม่ขาดตอนระหว่างจุดครอส
2. ผู้ใช้งานมาตรฐานฉบับนี้ควรจะศึกษาข้อมูลและมาตรฐานเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับแบบแปลนที่ได้กำหนดไว้ อุปกรณ์ที่ใช้และผู้ให้บริการระบบ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาระบบสายสัญญาณต่อไป
คำอธิบาย
EF บริเวณต่อเข้าอาคาร
HC ระบบสายสัญญาณแนวราบ
IC การต่อครอสระหว่างกลาง
MC จุดเชื่อมต่อครอสสายหลัก
คำอธิบาย
EF บริเวณต่อเข้าอาคาร
HC ระบบสายสัญญาณแนวราบ
IC การต่อครอสระหว่างกลาง
MC จุดเชื่อมต่อครอสสายหลัก
ชนิดของสื่อ
|
A (มากที่สุด)
|
B (มากที่สุด)
|
C (มากที่สุด)
|
สายตีเกลียว 100 โอห์ม
|
800 เมตร (2624 ฟุต)
|
300 เมตร (2984 ฟุต)
|
500 เมตร (1640 ฟุต)
|
สายใยแก้วนำแสง 62.5/125 ไม่โครเมตร
|
2000 เมตร (6560 ฟุต)
|
300 เมตร (984 ฟุต)
|
1700 เมตร (5575 ฟุต)
|
สายใยแก้วนำแสง 50/125 ไม่โครเมตร
|
2000 เมตร (6560 ฟุต)
|
300 เมตร (984 ฟุต)
|
1700 เมตร (5575 ฟุต)
|
สายใยแก้วนำแสงซิงเกิลโหมด
|
3000 เมตร (9840 ฟุต)
|
300 เมตร ( 984 ฟุต)
|
2700 เมตร (8855 ฟุต)
|
หมายเหตุ : 1. เส้นใยแก้วนำแสงแบบซิงเกิลโหมดสามารถใช้ติดตั้งเป็นระบบสายสัญญาณหลักได้ถึง 60 กิโลเมตร ( 37 ไมล์) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วระยะทางนี้จะอยู่นอกเหนือมาตรฐาน แต่เส้นใยแก้วนำแสงแบบซิงเกิลโหมดนั้นยอมรับตามมาตรฐานนี้
2. การใช้สายสัญญาณที่ติดตั้งอยู่แล้วหรืออาจจะเกิดขึ้นในอนาคตที่จะเกินระยะสูงสุดที่ได้กำหนดไว้ในมาตรฐาน เช่นเพื่อสนับสนุนผู้ให้บริการ อาจจะต้องแทรกอุปกรณ์ทวนสัญญาณหรืออุปกรณ์สร้างสัญญาณใหม่ในระบบสายสัญญาณหลัก (อยู่นอกขอบเขตของมาตรฐานนี้)
3. ในการติดตั้งสายสัญญาณใหม่หรือเพิ่มเติมแนะนำให้เลือกเส้นใยแก้วนำแสงแบบมัลติโหมดชนิด 62.5/125 ไมครอน หรือ 50/125 ไมครอน ส่วนในระบบสายสัญญาณหลักควรเลื่อกใช้เส้นใยแก้วนำแสงแบบมัลติโหมดและเส้นใยแก้วนำแสงแบบซิงเกิลโหมด
หากระยะการติดตั้งสายสัญญาณจากการต่อครอสแนวราบไปที่การต่อครอสระหว่าง กลางหรือระยะจากการต่อครอสระหว่างกลางไปยังจุดเชื่อมต่อครอสสายหลักไม่ถึงระยะสูงสุดตามที่มาตรฐานกำหนดไว้สามารถเพิ่มระยะการรติดตั้งได้ แต่ระยะการติดตั้งจากการต่อครอสแนวราบไปยังจุดเชื่อมต่อครอสสายหลักจะต้องมีระยะไม่เกินตามที่มาตรฐานกำหนด
5.5.2 จุดเชื่อมต่อครอสสายหลักไปยังบริเวณต่อเข้าอาคาร
ระยะทางระหว่างบริเวณต่อเข้าอาคารกับจุดเชื่อมต่อครอสสายหลักจะต้องนำไปคิดรวมกับระยะทางของสายสัญญาณหลักทั้งระบบด้วย ในส่วนของความยาวและชนิดของสื่อสัญญาณควรจะมีการบันทึกด้วยเมื่อผู้ให้บริการต้องการทราบ
5.5.3 การต่อครอสคอนเนท
การติดตั้งสายย้ำหรือสายต่อเชื่อมในจุดเชื่อมต่อครอสสายหลัก หรือจุดต่อครอสระหว่างกลางไม่ควรเกิน 20 เมตร (66ฟุต)
5.5.4 ระบบสายสัญญาณที่ไปยังห้องอุปกรณ์สื่อสาร
ระยะของสายสัญญาณที่ติดตั้งจากห้องอุปกรณ์สื่อสารไปยังจุดเชื่อมต่อครอสสายหลัก หรือไปยังจุดต่อครอสระหว่างกลางไม่เกิน 30 เมตร (98 ฟุต)
5.4 การพิจารณาการต่อลงดินและการเชื่อม
การต่อลงดินก็เป้นส่วนหนึ่งของระบบสื่อสารโทรคมนาคมเพราะจะช่วยป้องกันผู้ใช้งานและอุปกรณ์สื่อสารจากแรงดันเกิน และการต่อลงดินยังช่วยลดและกำจัดสัญญาณรบกวนที่เกิดจากการเหนี่ยวนำที่จะไปรบกวนระบบสื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆ ด้วย ซึ่งการรต่อลงดินและการเชื่อมจะเป็นไปตามมาตรฐาน ANSI/TIA/EIA-607
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น